งานตัดและงานเซาะร่องเป็นลักษณะสำคัญของกระบวนการกลึงและอุตสาหกรรมงานโลหะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ในการรวมวิธีการต่าง ๆ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาการการผลิตสำหรับการทำงานที่ต้องการในปัจจุบัน.
ISCAR เข้าใจถึงความสำคัญของงานการตัดและเซาะร่องในกระบวนการกลึงและต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการสำหรับทุกการใช้งาน, รวมถึงการเลือกเครื่องมือเครื่องจักร, ชนิดของวัสดุที่ถูกตัด/ เซาะร่อง, ความลึกที่ต้องการตัดและอัตราการป้อนและความเร็ว . ISCAR ตอบสนองต่อความต้องการที่ซับซ้อนเหล่านี้โดยการพัฒนาการแก้ปัญหาการตัดและเซาะร่องที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งรวมถึงทางเลือกที่หลากหลายของรูปทรงเม็ดมีด, การคายเศษและเกรดคาร์ไบด์- และขนาดของงานที่ขยายขึ้น.
ด้วยความต้องการของอุตสาหกรรม 4.0 และมาตรฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมในอัตราพิเศษ, ISCAR ได้แนะนำเทคโนโลยีการตัดและการเซาะร่องใหม่ที่สามารถผสานเข้ากับเครื่องจักรกลคลื่นลูกใหม่ที่ทำงานกับอัตราป้องสูงได้อย่างไม่น่าเชื่อ. MULTI-F-GRIP ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้และให้ประสิทธิภาพการผลิตที่สูงและลดต้นทุนการผลิต.
การปฏิวัติการออกแบบระบบการตัดเพื่อประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น, MULTI-F-GRIP เป็นระบบที่ประกอบด้วยบล็อกเครื่องมือที่แข็งแรงซึ่งบรรจุเม็ดมีดเบลดทรงสี่เหลี่ยมด้วยขนาด 4 ช่องบรรจุ, พร้อมแนวคิดการตัดที่เป็นเอกลักษณ์ สำหรับการตัดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 120 มม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต.
MULTI-F-GRIP นั้นง่ายต่อการติดตั้งและใช้งานกับเครื่องจักรทุกประเภท, รวมถึงเครื่องจักรแบบหลายแกนกลาง X-AXIS , โดยไม่จำเป็นต้องมีการปรับแต่งเป็นพิเศษ. ระบบช่วยให้ติดตั้งได้ทั้ง ด้ามแผ่นเบลดสำหรับเม็ดมีด TANG-F-GRIP และ DO-GRIP บนบล็อกเดียวกัน.
ด้ามมีดเบลดทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีระบบรองรับที่ให้การเซาะร่องและการตัดโดยไม่มีการสั่นสะเทือน. MULTI-F-GRIP ยังช่วยประหยัดเวลาในการตั้งค่า, เช่นกรณีที่เกิดความเสียหายของช่องบรรจุ, การตั้งค่าของบล็อกทำให้สามารถหมุนใบมีดเบลดไปยังช่องบรรจุใหม่ได้โดยไม่ต้องมีการตั้งค่าใด ๆ.
MULTI-F-GRIP สำหรับการตัดอัตราป้อนสูง. ช่วยยืดอายุการใช้งานของเม็ดมีด, ช่วยให้ผิวสำเร็จของงานที่ดีและความตรงของชิ้นงาน, และมีความเสถียรสูง-โดยเฉพาะเมื่อทำการตัดด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่. เม็ดมีดใหม่ที่มีการจดสิทธิบัตร ช่วยลดเวลาในการตัดและยังช่วยประหยัดวัสดุได้อย่างมีนัยสำคัญ- ตัวอย่างเช่น ขนาดบาร์ 120 มม. สามารถตัดได้ด้วยเม็ดมีดขนาด 3 มม.พร้อมใบมีดเบลด HF (อัตราป้อนสูง) ที่มีอัตราป้อนสูงถึง 0.4 มม./รอบ ( .0157 ipr).
เม็ดมีดคมกัดเดี่ยว HF ทรงตั้ง ได้รับการพัฒนาเพื่อให้สามารถทำการตัดชิ้นส่วนที่มีประสิทธิภาพสูงในอัตราการป้อนสูงมาก, โดยใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายของการคายเศษ. ด้วยคุณลักษณะของเม็ดมีดที่มีการคายเศษแบบใหม่ที่ช่วยให้การไหลของเศษไม่มีสิ่งกีดขวาง, ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของเม็ดมีดและใบมีดเบลด ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพการผลิตสูง.
เม็ดมีด TANG-GRIP ทั้งหมดสามารถรวมเข้ากับระบบ MULTI-F-GRIP ซึ่งรวมกับเม็ดมีด DO-GRIP DGN ที่มีคมกัดสองด้านรูปทรงเรขาคณิตของเม็ดมีดตัด, เพื่อให้ทางเลือกที่กว้างขึ้นสำหรับการตัดในความกว้างของทุกช่วงขนาดการใช้งาน. ISCAR นำเสนอความหลากหลายของการคายเศษและเกรดขั้นสูงเพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น.
วิธีการจับยึดที่มั่นคงโดยมีช่องบรรจุที่ปรับเปลี่ยนทิศทางได้ ช่วยอำนวยความสะดวกพร้อมยืดอายุเครื่องมือยาวนานถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับระบบจับยึดทั่วไป. วิธีการจับยึดที่แข็งแรงช่วยให้สามารถทำการตัดเฉือนในอัตราการป้อนสูงและให้ความเที่ยงตรงและผิวสำเร็จที่ยอดเยี่ยม, มีผิวมุมคายเศษที่แบนราบให้การคายเศษที่ดีขึ้นในการตัดเฉือนทุกสภาวะ.
ระบบ JETCUT ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาดด้วยช่องสารหล่อเย็นเพื่อส่งสารหล่อเย็นตรงไปใกล้คมตัด, ช่วยเพิ่มคุณภาพของเศษและลดอัตราการเกิด slashes flank and cratering rates. เมื่อตัดเฉือนวัสดุเช่นสแตนเลสหรือโลหะผสมที่มีอุณหภูมิสูง, อุณหภูมิที่อยู่ใกล้บริเวณคมกัดจะสูงมาก. นอกจากนี้, วัสดุประเภทนี้มักจะหลอมติดกับคมตัดของเครื่องมือ, สร้างการกีดขวาง. ปรากฏการณ์ที่เป็นปัญหาเหล่านี้สามารถควบคุมได้โดยการกำหนดทิศทางสารหล่อเย็นแรงดันสูงส่งตรงไปยังพื้นที่ตัด.
ISCAR ยังคงรักษาความก้าวหน้าอยู่เสมออันเป็นผลมาจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของบริษัทในด้านผลิตภัณฑ์นวัตกรรม, ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง, โดยพื้นฐานของความสามารถของแผนกวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัทและได้รับการตอบสนองจากความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมทั่วโลก. ความปรารถนาที่จะมอบเทคโนโลยีการตัดโลหะที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดให้แก่ลูกค้านั้นสะท้อนให้เห็นในการเปิดตัวการแก้ปัญหาโดย MULTI-F-GRIP เครื่องมือ GRIP ที่ครอบคลุมของ ISCAR ในการตัดและการเซาะร่อง.

รูปที่ 1


รูปที่ 2


รูปที่ 3


รูปที่ 4


รูปที่ 5


รูปที่ 6